การอยู่กินฉันผัวเมีย มีกฎหมายบัญญัติถึงความสัมพันธ์ ไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ คือ กฎหมายลักษณะผัวเมีย จนมาถึงปัจจุบัน ก็ตราเป็นบทบัญญัติ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ในเริ่อง การสมรส บางคู่อยู่กินกันจนแก่เฒ่า หลายคู่ต้องมีอันต้องแตกแยกพังทลายลง สาเหตุสำคัญของการหย่า ทุกยุคทุกสมัย เกิดจากการนอกใจ ซึ่งรวมถึงความไม่เท่าเทียมในเรื่องของความต้องการทางเพศ ความไม่พอใจหรือการโกรธเคืองคู่รัก และความเสื่อมสลายในความสัมพันธ์รักระหว่างสามีกับภรรยา
การหย่ามีอยู่ 2 กรณีคือ การหย่าโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย จูงมือกันไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ และ การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล สำหรับเหตุแห่งการฟ้องหย่าตามกฎหมาย โดยสรุป คือ
- สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันสามีหรือภริยา เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ
กรณีนี้หมายความเฉพาะชายกับหญิงเท่านั้น และฝ่ายที่มีชู้จะต้องรู้ว่าหญิงหรือชายนั้นมีคู่สมรสแล้ว การเป็นชู้แม้กระทำเพียงครั้งเดียวก็ถือเป็นเหตุฟ้องหย่า ซึ่งต่างจากการร่วมประเวณีกับหญิงอื่นเป็นอาจิณถึงเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกา คดีชู้ แม้จะไม่มีพยานรู้เห็นในเวลาที่ชายหญิงร่วมประเวณีกันแต่ถ้ามีพยานพฤติเหตุแวดล้อม เชื่อได้ว่าชายและหญิงรักใคร่ชอบพอกันในทางชู้สาว ไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่ลับซึ่งมีโอกาสจะร่วมประเวณีกันได้ ก็สามารถฟังได้ว่ามีชู้ได้
- สามีหรือภริยาประพฤติชั่วไม่ว่าจะมีความผิดอาญาหรือไม่ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง ได้รับการดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่ยังคงเป็นสามีหรือภริยาที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีหรือภริยา
- สามี หรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่างร้ายแรง
- สามีหรือภริยาจงใจทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่ง เกิน 1 ปี หรือ ฝ่ายใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เกิน 1 ปี โดยอีกฝ่ายไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดนั้น หรือทั้ง 2 ฝ่ายสมัครใจแยกกันเพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขเกินกว่า 3 ปี หรือ ฝ่ายใดถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญเกิน 3 ปี
- ฝ่ายใดไม่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง หรือทำการเป็นปฏิปักษ์กันอย่างร้ายแรง
- ฝ่ายใดวิกลจริตเกิน 3 ปี ยากที่จะหาย หรือฝ่ายใดมีสภาพร่างกายทำให้ไม่สามารถร่วมประเวณีได้ตลอดกาล หรือฝ่ายใดมีโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่ง
- ฝ่ายใดผิดทัณฑ์บน ที่ทำเป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ
การหย่าตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็น การสมัครใจ หรือฟ้องศาล ต้องเกิดจากการสมรสตามกฎหมาย จากข้อมูลสถิติการฟ้องหย่า เมื่อปี 2558 มีจำนวน 6,000 คู่ที่ฟ้องหย่า ซึ่งเมื่อฟ้องหย่าแล้ว ก็จะมีการขอแบ่งสินสมรส อำนาจปกครองเลี้ยงดูบุตร และค่าอุปการะบุตร สำหรับการฟ้องหย่าเพราะมีชู้ อีกฝ่ายสามารถฟ้องค่าทดแทนจากชู้ได้ แต่ก็มีไม่น้อย ที่ฟ้องแต่ชู้ ไม่ฟ้องหย่า อาจเป็นเพราะยังรัก ยังอาลัยอยู่ ถ้าเป็นฝ่ายหญิง อาจถือสุภาษิตที่ว่า “ ยอมเสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร “ และไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด ความรักมักดำเนินไปเหมือนบทกวีของสุนทรภู่ที่ว่า
“ เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล..”
เขียนโดย ทนาย ไขปัญหา